วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หลักการจัดการเบื้องต้น

  แนวคิดพื้นฐานด้านการจัดการ

       การจัดการ  หมายถึง เป็นการดำเนินการหรือกระบวนการใดๆ ของบุคคลตั้งแต่  2  คนขึ้นไป  เพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ร่วมกัน  โดยคำนึงถึงการจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด  และมีองค์ประกอบคือ
                 1. เป้าหมายที่ชัดเจน
                 2. ทรัพยากรในการบริหารที่มีจำกัด
                 3. การประสานงานระหว่างกัน
                 4. การแบ่งงานกันทำ

            สรุปความหมายของการจัดการ
          การใช้คน  ทรัพยากรและเทคนิคต่างๆ  เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ละฝ่ายงานย่อยสำเร็จลุล่วงไปตามวัตถุประสงค์  หรือตามแผนงานที่วางไว้

          ทรัพยากรในการจัดการ
- Man   =  ทรัพยากรบุคคล
- Money   =  งบประมาณ
- Materials/Media  =  วัสดุ/สื่อการเรียนรู้ 
- Methods = วิธีการ/กิจกรรม
- Market  =  การตลาด / การประชาสัมพันธ์
- Machine  =  เครื่องจักร / อุปกรณ์ในการจัดการ
- Moral  (ขวัญ  กำลังใจ)

           ความแตกต่างระหว่างการบริหารกับการจัดการ

     การบริหาร
- เป็นกระบวนการดำเนินการระดับการกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมการทำงานในภาพรวมของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
- กระบวนการบริหารใดๆขององค์กร
- ผู้บริหารพยายามบริหารงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของศูนย์ทรัพยากรการเรียนร
- ผลสำเร็จของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มิได้คำนึงถึงผู้บริหารเป็นหลัก  แต่ดูจากภาพรวมของความสำเร็จของหน่วยงานเป็นหลัก
- การบริหารมักจะใช้กับองค์การเศรษฐกิจหรือหน่วยงานสาธารณะที่ไม่หวังผลกำไร

     การจั่ดการ
- เป็นกระบวนการดำเนินงานใดๆของศูนย์ฯ ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการเรียนรู้โดยฝ่ายงานย่อยของศูนย์รับผิดชอบ 
- เป็นบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายงานโดยคานึงถึงผู้รับบริการเป็นหลักโดยคานึงถึงแนวนโยบายของแต่ละแผนกเพื่อให้ศูนย์ฯ บรรลุตามเป้าหมาย


องค์การสมัยใหม่
        องค์การสมัยใหม่  หมายถึง  หน่วยงานที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น โดยไม่ยึดกับหลักการและทฤษฎีที่มีแบบแผน แต่มีความยืดหยุ่น โดยคานึงถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมสภาพสังคม เศรษฐกิจ และเป้าหมายขององค์การเป็นหลัก

หลักการจัดการองค์การสมัยใหม่
         หน่วยงานที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น

ตัวอย่างที่  1  
      5  S Model

1. Small =   เป็นองค์การขนาดเล็ก แต่เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ

2. Smart =ดูดี ดูเท่ห์ ดูน่าเชื่อถือ ใช้คาว่า ฉลาดเพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญา การจะทำให้เท่ห์ต้องมีISO มีการประกันคุณภาพในระบบของ QA และกิจกรรมอื่นๆ

3. Smile = ยิ้มแย้มแจ่มใส เปี่ยมด้วยน้ำใจ ฉะนั้นคนในองค์การจะต้องทำงานอย่างมีความสุข ความสุขมีอยู่ 2 ฝ่าย
                 1 ) คนทำงานมีความสุข
                 2 ) ลูกค้าผู้รับการบริการ โดยเริ่มที่พนักงานก่อนแล้วออกแบบองค์การให้เป็นองค์การที่มีความสุข สนุกในงานที่ทำมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใส ทางานด้วยใจรัก รักงานอยากจะมาทำงาน

4. Smooth = ไม่พูดเรื่องการขัดแย้ง จะพูดเรื่องการผนึกกำลังการทำงานเป็นทีมเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

5. Simplify = ทำเรื่องสลับซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย  หรือทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องที่ไม่สะดวกให้สะอาด ทำเรื่องที่ช้าให้เร็วขึ้น


ตัวอย่างที่  2
        องค์การแบบสิ่งมีชีวิต   
               องค์การที่ให้ความสำคัญกับการปรับตัว (Adaption) มุ่งเน้นการทำงานอย่างมีความสุข และให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์เป็นแกนหลักในการทำงาน
 
         การพัฒนาองค์การแบบสิ่งมีชีวิตมีลักษณะที่สำคัญอันได้แก่


       1. โครงสร้างแบบยืดหยุ่น (Flexible Structure)
        2. มีการกระจายอำนาจ (Decentralization)
        3. การทำงานเป็นทีม (Team work)
        4. เน้นผลงานมากกว่ากฎระบียบ (Performance-oriented)
        5. การติดต่อสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ (Informal Communication)

         ข้อดีของแนวคิดองค์การแบบสิ่งมีชีวิต


          1)เป็นแนวคิดที่ทาให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างองค์การและสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้นโดยเสนอว่าองค์การจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้วย จึงสามารถอยู่รอดได้
          2) ทำให้มีการใส่ใจในเรื่องราวความต้องการขององค์การมากขึ้น โดยใช้แรงจูงใจหรือการตอบสนองต่อความพึงพอใจของสมาชิกในองค์การ องค์การจะประสบความสำเร็จได้  จะต้องสร้างความสมดุลระหว่างความพึงพอใจของสมาชิกและประสิทธิผลของการทำงานเข้าด้วยกัน   ดังนั้นแนวคิดนี้จึงให้ความสาฃำคัญกับ “คน” มากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นจากการกระจายอำนาจมากขึ้นและไม่ใช้โครงสร้างหรือกฎระเบียบมาควบคุมคนในองค์การ
           3) สนับสนุนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตลอดจนผลงานเป็นสำคัญมากกว่าการเคร่งครัดต่อระเบียบอย่างตายตัวแบบองค์การแบบเครื่องจักร

ตัวอย่างที่  3
         องค์การคุณภาาพ
                  เป็นองค์การที่มี  4  มิติ  คือ  มาตรฐาน , ผลงาน , ประสิทธภาพ  และความพึงพอใจ
              1.)  มาตรฐาน (Standard) ได้แก่ ข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ที่ตัดสินความมีคุณภาพของสินค้าหรือบริการนั้น
              2.) ผลงาน (Performance) ครอบคลุมความสามารถในการใช้งาน ว่าผลิตภัณฑ์หรือการบริการนั้นตอบสนองจุดประสงค์ในการใช้งานหรือไม่  ความสามารถในการเข้าถึง(Accessibility)หรือความสะดวก ความปลอดภัย ความรับผิดชอบ การให้บริการ ความคงทน ความแม่นยา และความเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย
               3.)  ประสิทธิภาพ (Efficiency) ได้แก่ การพิจารณาปัจจัยนำเข้าเปรียบเทียบกับผลผลิตหรือสินค้าหรือบริการที่องค์การผลิตขึ้นมา การควบคุมต้นทุน และเวลาในการส่งมอบ ดังนั้นมิตินี้จะครอบคลุมเรื่องความเหมาะสมกับต้นทุนไว้ด้วย
               4.)  ความพึงพอใจ (Satisfaction) เป็นมิติแห่งคุณภาพที่เกี่ยวกับความสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า รูปลักษณ์ของสินค้า ภาพลักษณ์ขององค์การ  เพื่อสร้างความพึงพอใจของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจเป็นคุณภาพที่ลูกค้าคาดหวังหรือต้องการ หรืออาจเป็นคุณภาพที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างและก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น