วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Directing

แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Directing

1. ให้สรุปความหมายของการสั่งการมาพอเข้าใจ
                -  การจัดการของผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการสั่งการตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ชี้แนะบุคคล การนิเทศงาน และการติดตามผล เพื่อให้งานดำเนินไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้

2. ขั้นตอนการสั่งการหรือการอำนวยการมีอะไรบ้าง
               -1. การวางแผน/เตรียมสั่งงาน
                            -ทำไม (จุดประสงค์การสั่งงาน/ผลงานที่ต้องการ)
                            - อะไร (เนื้อหาของงานที่จะสั่ง)
            - ใคร(คนที่จะรับคำสั่งงาน)
                            - อย่างไร (วิธีการสั่งงาน/ วิธีกระตุ้นความสนใจของลูกน้อง)
                            - เมื่อไหร่ (เวลาที่เหมาะกับการสั่งงาน)
                             - ที่ไหน (สถานที่ที่เหมาะกับการสั่งงาน)
2. การสั่งงาน
·       กระตุ้นความสนใจของลูกน้อง หัวหน้างานจะต้องดึงความสนใจของลูกน้องให้ได้   การให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการถามคำถาม ทวนประเด็น หรือทดลองทำตลอดช่วง                      
เวลาที่สั่งงาน เป็นวิธีการที่ดีอีกวิธีการหนึ่ง
·       เริ่มสั่งงาน ตามแผนที่วางไว้ หัวหน้างานอธิบายจุดประสงค์ของงาน ระบุสิ่งที่ต้องดำเนินการ มาตรฐานการทำงาน/ ปฏิบัติงาน เวลาที่จะเริ่มต้นและสิ้นสุดของงาน  สถานที่ที่จะดำเนินการ หัวหน้างานอาจใช้การสาธิต หรือ ให้ลูกน้องทดลองปฏิบัติตามขั้นตอนที่เตรียมไว้
ทดสอบความเข้าใจของลูกน้อง ต้องทดสอบความเข้าใจของลูกน้องอย่างสม่ำเสมอ  ตลอดการสั่งงาน ประเด็นสำคัญที่หัวหน้างานจะต้องทดสอบว่าลูกน้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับงานที่สั่ง  ได้แก่
           1. จุดประสงค์ของการสั่งงาน ในหลายๆ กรณีมักจะ    หมายถึงผลลัพธ์   ผลงานที่คาดหวังจะได้รับ
                                2. สิ่งที่ลูกน้องจะต้องดำเนินการ มาตรฐานการปฏิบัติงาน
                                3. วันและเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่สั่ง
                                4. สถานที่ที่จะดำเนินการ
3.การติดตามผล  คือ การติดตามความคืบหน้าของการนำคำสั่งงานนั้นไปดำเนินการเนื่องจากบางครั้ง     อาจมีการดำเนินการที่ผิดไปจากคำสั่งงานได้ เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น หัวหน้างานสามารถช่วยเหลือ ให้คำแนะนำแก่ลูกน้องให้แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ในการ   วางแผน/เตรียมการสั่งงาน จำเป็นต้องคิดถึงแผน หรือติดตามผลด้วย


3. องค์ประกอบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง
                - 1.ความเป็นผู้นำ ; เป็นกระบวนการของการสั่งการ และการใช้อิทธิพลต่อกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกในองค์การ ให้ยอมตามเพราะยอมรับในอำนาจที่มาจาก 3 แหล่ง คือ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา อำนาจจากบารมี และอำนาจตามกฎหมาย จึงก่อให้เกิดผู้นำ 3 แบบ คือ แบบประชาธิปไตย แบบเผด็จการ และแบบตามสบาย
2.การจูงใจ ; มีความสำคัญต่อการสั่งการหรือการอำนวยการ เพราะเกี่ยวกับบุคลากรให้ปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องมีการจูงใจหรือกระตุ้นให้อยากทำงาน โดยอาศัยหลักธรรมชาติว่ามนุษย์ต้องการ 5 ระดับได้แก่
- ความต้องการขั้นพื้นฐาน คือปัจจัย 4
- ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
- ความต้องการทางสังคม
- ความต้องการมีเกียรติยศชื่อเสียง
- ความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
ดังนั้น ในการสั่งการโดยมีเทคนิคจูงใจด้วย ก่อนจะสั่งการควรขึ้นคำถามก่อนว่าพอมีเวลาหรือไม่หรือคุณจะช่วยงานนี้ได้ไหม

                3. การติดต่อสื่อสาร; เป็นกระบวนการสำคัญช่วยให้การอำนวยการดำเนินไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพ มี 2 ลักษณะคือ สื่อสารแบบทางเดียว และสื่อสารแบบ 2 ทาง
4. องค์การและการบริหารงานบุคคล จุดมุ่งหมายของนักอำนวยการคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและองค์การ ซึ่งต้องการไม่เหมือนกันผู้อำนวยการจึงต้องทำให้เกิดความสมดุลกัน

 4. ให้นิสิตอธิบายความสำคัญของการสั่งการกับการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มาอย่างน้อย 5 ข้อ
                - 1.  ปรับวัตถุประสงค์ของบุคคลให้เข้ากับวัตถุประสงค์ขององค์การ
2.   การให้มีส่วนร่วมในการบริหาร
3 การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
 4. การมีส่วนร่วมในการยอมรับเป้าหมาย ขององค์การ
                5. การมีส่วนร่วมในหน้าที่ความรับผิดชอบ

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การบริหารงานบุคคล

1.ภารกิจที่สำคัญๆของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
    - การจัดหาสื่อประเภทต่างๆ ไว้สาหรับบริการ
    - การผลิตสื่อเพื่อนามาใช้ในการเรียนการสอน
    - การจัดระบบ จัดเก็บ แยกหมวดหมู่และจัดทาทะเบียน
    - การบริการให้ยืมวัสดุ เครื่องมืออุปกรณ์
    - การให้คาปรึกษา แนะนาการใช้และการผลิตสื่อ
    - การวิจัยและพัฒนาสื่อ

2. ถ้าหากพิจารณาบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะประกอบด้วยบุคคลด้านใดบ้าง 
   ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำการจัดดาเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงาน เพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
     - ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่นาโครงการต่างๆออกสู่ กลุ่มเป้าหมาย
     - ด้านการผลิตสื่อ   ทำหน้าที่ในการออกแบบและผลิตสื่อการเรียนการสอน
     - ด้านวิชาการ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการศึกษาค้นคว้า พัฒนาและเผยแพร่ผลงาน
     - ด้านการปรับปรุงการเรียนการสอน ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเป็นสำคัญในการจัดหาสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหาแต่ละวิชา
     - ด้านกิจกรรมอื่น



3. ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จำแนกเป็นประเภทที่สำคัญได้กี่ประเภท 
      1. บุคลากรทางวิชาชีพ (Professional Staff)
        2. บุคลากรกึ่งวิชาชีพ (Paraprofessional Staff) บุคลากรกึ่งวิชาชีพ คือ บุคคลที่ได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพโดยมีหน้าที่ช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาชีพเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือด้านบริการ
        3. บุคลากรที่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพ (Non-professional Staff) บุคลากรประเภทนี้ทำหน้าที่ทางด้านธุรกิจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งจะมีคุณวุฒิหลากหลายจะใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะในหน้าที่ของตน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจานวนบุคคลในแต่ละประเภทจะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับนโยบาย ขนาดหรือปริมาณของงาน ขอบเขตของการให้บริการ ลักษณะของระบบงานบริการ จานวนผู้ใช้บริการ และงบประมาณของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละแห่งเป็นสำคัญ

4. ท่านมีขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน มาใช้บริการในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร จงอธิบาย 
    ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นการสำรวจสภาพของสื่อในสถานศึกษาเพื่อสำรวจหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นข้อมูลมาประกอบการจัดหา
     ขั้นตอนที่ 2 การสำรวจสถานที่ เป็นขั้นตอนการสำรวจวางแผนจะให้สถานที่ส่วนใดบ้างในการทำกิจกรรม เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่ามีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการมีเพียงพอแล้วหรือยังและจะต้องการจัดหาอะไรเพิ่มเติมบ้าง
      ขั้นตอนที่ 3 การสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อต้องการทราบถึงความต้องการใช้สื่อประเภทต่างๆ โดยนำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการจัดหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นก่อนการจัดหาหรือจัดซื้อสื่อมาไว้บริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวจและศึกษาความต้องการของผู้ใช้ก่อนเสมอ
       ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นการจัดหา โดยนำข้อมูลที่ได้มาจากความต้องการแล้วทำเป็นโครงการสั้นๆ หรือโครงการระยะยาวเพื่อวางแผนในเรื่องงบประมาณในการจัดหาต่อไป

5. อธิบายวิธีการจัดซื้อจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมและบริการ ท่านมีหลักเกณฑ์สำคัญ อะไรบ้าง 
       1. ความคงทน(Ruggedness) โดยพิจารณาถึงวัสดุที่ประกอบเป็นตัวเครื่องให้ความคงทนแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย
      
       2. ความสะดวกในการใช้งาน (Ease of Operation) โดยพิจารณาถึงการควบคุม การบังคับกลไกไม่ซับซ้อนจนเกินไปหรือมีปุ่มต่างๆมากมายเกินไป   
       3. ความกะทัดรัด (Portability) โดยพิจารณาถึงขนาดของตัวเครื่อง น้ำหนัก ความสะดวกในการเก็บและเคลื่อนย้าย
       4. คุณภาพของเครื่อง(Quality of Peration) เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรฐานที่ประกอบรวมกันเป็นไปตามคุณสมบัติต้องการใช้งานเพียงใด
       5. การออกแบบ (Design) เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ว่าสวยงามมีความทันสมัย การติดตั้งอุปกรณ์ประกอบออกแบบให้ใช้ได้ง่าย
       6. ความปลอดภัย (Safety) เป็นการพิจารณาว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่น่าจะเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายได้ง่ายขณะใช้งาน
       7. ความสะดวกในการบำรุงรักษาละซ่อมแซม (Ease of Maitenance and Repair) เป็นการพิจารณาว่ามีส่วนประกอบใดที่ยุ่งยากต่อการซ่อมแซมหรือมีความยากลำบากในการดูแลรักษาหรือมีส่วนประกอบที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเมื่อชำรุดแล้วไม่สามารถซ่อมแซมได้เลย
       8. ราคา (Cost) ในการจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์มาใช้หรือเพื่อบริการควรคำนึงถึงราคาซึ่งไม่แพงเกินไปที่สำคัญพิจารณาถึงความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานแล้วจึงนำไปเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเหมาะสมกับราคาและคุณภาพของเครื่องมืออุปกรณ์นั้น
       9. ชื่อเสียงของบริษัทผู้ผลิต(Reputation of Manufacturer) การพิจารณาบริษัทผู้ผลิตเพื่อจะได้ทราบว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ซื้อนั้นมีจำนวนและรุ่นที่ผลิตออกมามากน้อยพียงใด หากเป็นบริษัทที่มั่นคงมีชื่อเสียงจะเห็นได้ว่ามีระบบการผลิต ระบบการจัดการอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน ทำให้วัสดุอุปกรณ์มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ
     10. การบริการซ่อมแซม (Available Service) อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ควรเป็นแบบที่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย รวดเร็วและมีบริการดูแลบำรุงรักษาที่เอาใจใส่ดูแลบำรุงสม่ำเสมอและมีอะไหล่สำรองไว้เพียงพอหรือเมื่อมีปัญหาทางบริษัทสามารถแก้ปัญหาให้รวดเร็ว


6. การบริหารบุคคล หมายถึง   ศิลปะในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้ามาทางานในองค์การ มอบหมายงาน พัฒนาบุคคลและให้พ้นจากงาน โดยคานึงถึงประสิทธิภาพของเป้าหมายหรือบริการของศูนย์ฯ หรือหน่วยงานเป็นสำคัญ


7. หลักการบริหารงานบุคคลมีกี่  2 ระบบ ได้แก่
     1. ระบบคุณธรรม Merit System ใช้หลักเกณฑ์
             1.1 หลักความเสมอภาค เช่น มีสิทธิสอบได้ทุก
             1.2 หลักความสามารถ เช่น คัดเลือกผู้มีความสามารถสูงไว้ก่อน
             1.3 หลักความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ผิดวินัย ก็ไม่ถูกลงโทษให้ออก อยู่จนเกษียณ
             1.4 หลักความเป็นกลางทางการเมือง เช้า ห้ามข้าราชการเป็นกรรมการบริษัท
    2. ระบบอุปถัมภ์ Patronage System ยึดถือพวกพ้อง เครือญาติ หรือผู้มีอุปการะคุณ


8. การจำแนกตำแหน่ง  3  ประเภท
      1.จำแนกตาแหน่งตามลักษณะตำแหน่ง Position Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งโดยถือลักษณะความรับผิดชอบของตาแหน่งเป็นสำคัญ เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน นิติกร วิศวกร เป็นต้น
      2.การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะยศ Rank Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งตามตำแหน่งที่ประกอบกับชั้นยศ ใช้กับทหาร ตำรวจ
      3. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะชั้นยศทางวิชาการ Academic Rank Classification จำแนกตามคุณลักษณะความเชี่ยวชาญ วิชาการ เช่น ครู อาจารย์



9. ขั้นตอนของกระบวนการวางแผนกำลังคนได้แก่อะไรบ้าง
     1. ศึกษานโยบายและแผนขององค์การ กระบวนการวางแผนกาลังคนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนขององค์การ และ
      2. การตรวจสภาพกาลังคน ; ค้นหาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับสภาพกาลังคนที่มีอยู่ในองค์การ
      3. การพยากรณ์ความต้องการกาลังคน คล้ายกับการตรวจสภาพกาลังคน แต่การพยากรณ์มุ่งเน้นอนาคต
      4. การเตรียมหาคนสาหรับอนาคต

10. การวางแผนกำลังคนที่ดีต้องทราบอะไรบ้าง
      1. ภาระงาน Workload หน้าที่ความรับผิดชอบชั่วโมงงาน
       2. การออกแบบงาน Job Design เป็นการออกแบบโครงสร้างงานต่างๆ ทั้งองค์การว่ามีกลุ่มงานอะไรบ้าง
      3. การวิเคราะห์งาน Job Analysis วิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง กาหนดคุณลักษณะที่จาเป็นแต่ละตำแหน่ง
      4. รายละเอียดของตำแหน่งงาน Job Description เป็นการกำหนดชื่อตำแหน่งงานที่ต้องปฏิบัติ
      5. คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification เป็นการกำหนดรายละเอียดในตำแหน่งลึกลงไปอีก
      6. การทาให้งานมีความหมาย Job Enrichment เป็นวิธีการจูงใจและพัฒนาบุคลากรให้เกิดความพึงพอใจในการทำงาน

11. บุคลากรด้านทรัพยากรการเรียนรู้มี  3 ประเภท
    1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงานเพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
     2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์สื่อการศึกษาที่นาโครงการต่างๆออกสู่ กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
     3. บุคลากรด้านการผลิตสื่อ




วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3-4-5 รายวิชา 423312 Learning Resources Center Management

1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย
        ตอบ   ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้  3  ประเภท  ได้แก่
          1.  ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึง  หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่  ศูนย์สื่อการศึกษา หรือหน่วยบริการสื่อการศึกษา
                2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ  เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จาเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพ, ศูนย์การเรียน เป็นต้น
                3.  ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย  เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นต้น

2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย 
                ตอบ   ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน
                          ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ  เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จาเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต
                         ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย  เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
               
3. ให้นิสิตหาตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภท ละ 3 ศูนย์ พร้อมบอกสถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์นั้น ๆ พร้อมแหล่งอ้างอิง
                ตอบ  1.ศุนย์ทรัพยาการการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน
 1.  ห้องนันทนาการ   โรงเรียนวัดเสด็จ  อำเภอเมืองลำปาง  จังหวัดลำปาง  กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ  ใช้สำหรับสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระ    แหล่งอ้างอิง http://www.watsadet.ac.th/increase_data/l_learning/index.html#t22
                  2.  ห้องคอมพิวเตอร์   โรงเรียนวัดเสด็จ  อำเภอเมืองลำปาง  จังหวัดลำปาง  กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ  ใช้สำหรับการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีและเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต    แหล่งออ้างอิง http://www.watsadet.ac.th/increase_data/l_learning/index.html#t26
3.  ห้องนวัตกรรมเทคโนโลยี   โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา   แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร  กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ   ใช้สำหรับการเรียนการสอนในเรื่องนวัตกรรม  และ  เทคโนโลยี    แล่งอ้างอิง  http://triamudom.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=88&Itemid=10
          2.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ 
1. ศูนย์ศิลปะชีพบางไทร    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา    กลุ่มเป้าหมาย   ประชาชนทั่วไป  
แหล่งอ้างอิง  http://www.thaitambon.com/Centre/Bangsai.htm
                2. ศูนย์หัตถกรรมบ่อสร้าง   สันกำแพง  อำเภอสันกำแพง  จังหวัดเชียงใหม่      กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ  ประชาชนทั่วไป    แหล่งอ้างอิง  http://www.somboontours.com/packcar.php?id=234
                3. ศูนย์หัตถกรรม เครื่องปั้นดินเผา หมู่บ้านด่านเกวียน    อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา   กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ  ประชาชนทั่วไป   แหล่งอ้างอิง  http://www.wunca.uni.net.th/wunca22/index.php?option=com_content&view=article&id=51&Itemid=62

                        3.  ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย 
                1. พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย   จังหวัดนครปฐม   กลุ่มเป้าหมายของศูนย์  คือ  ประชาชนทั่วไป    
                2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย   อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี   กลุ่มเป้าหมายของศูนย์คือ  ประชาชนทั่วไป   แหล่งอ้างอิง  http://www.tis-museum.org/index_sub.html
                3. พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย  อำเภอศาลยา  จังหวัดนครปฐม   กุ่มเป้าหมาของศูนย์คือ  ประชาขนทั่วไป
  
4. ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย  คนละ 1 ศูนย์ โดยต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้
          ตอบ  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ  หอศิลป์  
4.1       นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์

นโยบาย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนผลงานศิลปะร่วมสมัยที่มีคุณค่าทั้งที่เป็นผลงานของศิลปินชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่และเป็นประโยชน์ทางการศึกษาด้านศิลปะแก่สาธารณชน จึงได้จัดสถานที่สำหรับความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ และองค์กร หรือปัจเจกบุคคลที่ประสงค์จะจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในระหว่างการจัดแสดงและเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ
วิสัยทัศน์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์เป็นแหล่งที่เก็บรวบรวม และจัดแสดงศิลปวัตถุทางด้านศิลปะทั้งศิลปะแบบประเพณีและศิลปะร่วมสมัยของศิลปินผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย 
กลุ่มเป้าหมาย
-    ศิลปิน / ผู้ทำงานในแวดวงศิลปะ
-       นักเรียน / นักศึกษา
-        บุคคลทั่วไป
-        สื่อมวลชน

4.2       แหล่งที่มาของศูนย์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นอาคารโรงกษาปณ์ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกยุคฟื้นฟูวิทยาการ สำหรับเป็นโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ เมื่อมีการพัฒนาเครื่องจักรที่ใหญ่โตขึ้นในเวลาต่อมา จึงย้ายที่ทำการไป ณ โรงกษาปณ์ ปัจจุบันอาคารแห่งนี้จึงร้างลง ครั้นในวาระครบ 100 ปีการพิพิธภัณฑ์ไทย กรมศิลปากรมีโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานด้านศิลปะสมัยใหม่ จึงได้ขอใช้อาคารโรงกษาปณ์เก่านี้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานศิลปะ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ยินดีมอบอาคารแห่งนี้แก่กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2517
กรมศิลปากรได้ดำเนินการซ่อมแซมอาคาร ปรับปรุงภายในให้เหมาะต่อการเป็นพิพิธภัณฑสถานศิลปะ จนแล้วเสร็จและได้มีพิธีเปิดเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2520 มีชื่อในครั้งแรกเปิดนี้ว่า หอศิลปแห่งชาติหลังจากนั้นหอศิลปแห่งชาติก็ได้ปิดลงเพื่อปรับปรุงพื้นที่และจัดแสดงผลงานเพิ่มเติมจนเสร็จสมบูรณ์ และเปลี่ยนชื่อให้ตรงตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2521 ดำเนินงานต่อมาในฐานะฝ่ายหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทั่งในปีพ.ศ. 2538 ได้มีกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากรใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น "หอศิลปแห่งชาติ" และได้รับการขยายหน่วยงานให้เติบโตขึ้นเทียบเท่าส่วน มีผู้บริหารเป็นผู้อำนวยการระดับ 8 ขึ้นตรงต่อสำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร โดยมีหน่วยงานย่อยอยู่ในความดูแลอีก 1 แห่ง คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ และต่อมาในปี 2541 ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป" เช่นเดิมจนปัจจุบัน ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 95 ตอนที่ 18 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521

4.3       แผนการดำเนินงาน
1. เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก็บรวบรวม และจัดแสดงศิลปวัตถุทางด้านศิลปะทั้งศิลปะแบบประเพณีและศิลปะร่วมสมัยของศิลปินผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย
2. จัดแสดงภาพเขียน จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปประยุกต์ และงานฝีมือที่เป็นประณีตศิลป์ของศิลปินต่าง ๆ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
3. วางแผน คิดค้น วิเคราะห์ วิจัย เรื่องราวทางด้านศิลปะ สาขาทัศนศิลป์เพื่อการคิดค้นและพัฒนาการจัดแสดง และการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปะ
4. ให้บริการทางการศึกษา จัดกิจกรรม จัดนิทรรศการให้ความรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจการต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปะ
5. ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของวัตถุที่จัดแสดงและอาคารสถานที่
6. ดำเนินการป้องกันการเสื่อมสภาพของวัตถุ ตรวจสอบสภาพ และซ่อมสงวนรักษาวัตถุที่จัดแสดงและเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปะ
7. ประสานงาน ให้ความร่วมมือ และเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและการจัดแสดงภาพศิลปกรรมชิ้นเยี่ยมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งในและต่าง ประเทศ
8. ให้คำปรึกษา แนะนำ ตอบข้อหารือทางวิชาการ และให้ความร่วมมือส่งเสริม สนับสนุนกิจการและการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานด้านศิลปะ ทั้งของภาครัฐและเอกชน

5. ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ 2 ผังโครงสร้าง พร้อมเขียนอธิบายดังนี้
      5.1  แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์
      5.2 โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด

ตอบ  
         1. แผนผังศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนบ้านนาปริก

                แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์

                     โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด
                     - ประเภท Line and Staff Organization  เพราะ  เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างสาหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งลาพังผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดาเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทางานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดาเนินการนั้น


       2. แผนผังโครงสร้างการบริหารงานโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง  1กองการศึกษา  เทศบาลนครแหลมฉบัง

              แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์

               โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด
-  ประเภท Line Organization เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็น  ขั้น ๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด




วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หลักการบริหารในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

การจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ตามหลักการบริหาร


              หลักการบริหารของ Fayol
   1.การแบ่งงานกันทำ
   2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
   3.ระเบียบวินัย
   4.เอกภาพในการบังคับบัญชา
   5.เอกภาพของการอำนวยการ
   6.การถือเอาประโยชน์ส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตัว
   7.การให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม
   8.การรวมอำนาจ
   9.การมีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน
 10.การจัดระเบียบ
 11.ความเสมอภาค
 12.ความมั่นคงในการทำงาน
 13.ความคิดริเริ่ม
 14.ความสามัคคี

               หลักการการจัดการที่สำคัญของ Fayol
   1.การวางแผน (Planning)
   2.การจัดองค์กร (Organizing)
   3.การบังคับบัญชา (Command)
   4.การประสานงาน (Co-ordination)
   5.การควบคุม (Control)

              การจัดการตามหลักการบริหาร ของ Oliver Sheldon
     Oliver Sheldon ชาวอังกฤษได้พัฒนาความคิดในเรื่องการจัดการและการบริหาร

     หลักการของ Sheldon แบ่งออกเป็น 3 ประการ
1.การบริหาร (Administration)
    เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและการประสานงานในหน้าที่ต่างๆ

2.การจัดการ (Management)
    เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายภายในขอบเขตจำกัดซึ่งกำหนดขึ้นโดยฝ่ายบริหาร

3.หน้าที่ในการจัดองค์การ
    เป็นกระบวนการประสานงานระหว่างบุคคลหรือระหว่างกลุ่มบุคคล





              การจัดการตามหลักการบริหาร

Luther Gulilckและ LyndallUrwick
Gulilck เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่วนUrwickเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ
Gulilckได้เสนอแนวคิดในการจัดการซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร จะต้องดำเนินการ POSDCORB

              การจัดการตามหลักการบริหาร POSDCORB
P (Planning)  การวางแผน : เป็นการกำหนดสิ่งที่ต้องการและวิธีการให้บรรลุผลตามต้องการ
O (Organizing)  การจัดองค์การ : เป็นการกำหนดโครงสร้างที่เป็นทางการของอำนาจ
S (Staffing)  การบริหารงานบุคคล
D (Directing)  การสั่งการ
CO (Co-ordinating)  การประสานงาน
R (Reporting)  การรายงานต่อฝ่ายบริหาร
B (Budgeting)  การวางแผนการเงิน บัญชีและการควบคุม